หากพูดถึงชื่อแบรนด์ Rolex หลายคนคงจะนึกถึงดีไซน์ต่าง ๆ ที่คุ้นเคย แต่ส่วนใหญ่อาจจะเป็นดีไซน์ที่ออกแนวทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ หรือรุ่นที่คุณชอบอยู่แล้วในใจและใฝ่ฝันอยากจะได้ แต่เราจะพาคุณมาดูรุ่นที่หายากมากในตอนนี้ของแบรนด์ Rolex มันอาจจะคุ้นตา คุ้นชื่อ แต่รับรองว่าต้องใช้คำว่าตามหากันทีเดียว เพราะมันเป็นรุ่นที่มีความเฉพาะในแบบของ VINTAGE STYLE ที่สำคัญราคายังสูงตั้งแต่ระดับล้านไปจนถึงระดับร้อยล้านทีเดียว เรามาร้องว้าวไปพร้อม ๆ กันเลย
ROLEX GMT-MASTER REF.1675
รุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นเมื่อปี 1959-1980 เป็นรุ่นที่สองรองมาจากรุ่น PEPSI รุ่นในตำนานของแบรนด์ ROLEX รุ่นนี้ดีไซน์มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเพื่อคงความเป็นต้นแบบไว้ เพียงแต่ใส่ Crown Guard ส่วนตรงเม็ดมะยมเพิ่มขึ้นมา และเพิ่มตัวเรือนให้ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 40 MM. มีความใหญ่กว่าเดิมประมาณ 2 MM. และการสร้างเข็ม GMT บอกเวลาในโซนอื่น หรือ Time Zone อื่นอีกด้วยเข็มสีแดง ด้วยการทำงานในการวนรอบ 1 รอบใน 24 ชั่วโมง ด้วยการอ่านเวลาที่สเกลหน้าปัดรอบนอก
นาฬิการุ่นนี้โด่งดังไปทั่วโลกด้วยการใส่แสดงภาพยนต์ของ Marlon Brando ในเรื่อง Apocalypse Now ในบทผู้พันเคิร์ท แต่ด้วยรูปแบบของนาฬิกามีความโดดเด่นทันสมัยจนไม่เข้ากับบทบาทตัวแสดง เขาตัดสินใจถอดกรอบของมันออกแล้วแมทต์เข้ากับสายหนังให้เข้ากับบทบาทที่ได้รับ Rolex เรือนนี้เป็นของ Marlon Brando ที่เขาใช้ในการแสดงด้วย ความพิเศษอยู่ที่เขาได้สลักชื่อของเขาไว้ในนาฬิกาเรือนนี้ด้วยว่า M. Brando
หลังจากนั้นในได้ถูกนำไปประมูลจากบริษัทประมูลชื่อดังอย่าง PHILLIPS BACS & RUSSO และถูกปิดประมูลไปในราคาเกือบสองล้านดอลล่า คิดเป็นเงินไทยสูงถึง 64 ล้านบาทเลยทีเดียว
ROLEX OYSTER PERPETUAL DAY-DATE STELLA
DAY-DATE มีชื่อที่หลายคนรู้จักกันก็คือ PRESIDENT เป็นรุ่นที่ให้ความหรูหราดูภูมิฐาน สีหน้าปัดจึงไม่ฉูดฉาดนัก เป็นการออกแบบให้ดูเรียบที่สุด แต่เมื่อปลาย ๆ ระหว่างยุค 70’s – 80’s DAY-DATE ถูกผลิตออกมาอีกครั้งใช้เทคนิคแบบ Enamel ในการสร้างหน้าปัดให้มีสีสันสดใสถึง 7 สี และเรียกกันว่า STELLA DIAL เป็นชื่อของบริษัทที่ผลิตสารเคลือบนาฬิกาและเม็ดสีให้กับ Rolex โดยเฉพาะ เพิ่มความพิเศษเข้าไปในตัวเรือนด้วยหน้าปัดบอกวันที่จะทำไว้หลายภาษาด้วยกัน
ถึงแม้การตอบรับจะช้า ซีรีส์นี้ได้นำเข้าประมูลในปี 2019 กับรุ่น DAY-DATE REF.1803/2019 ในราคาปิดประมูลสูงถึง 4 ล้านบาท และมีการประมูล DAY-DATE อีกครั้งในรุ่น DAY-DATE REF.18038/2020 ปิดประมูลไปที่ 7.3 ล้านบาท และ REF 1802 ในราคาปิดประมูลที่ 7.8 ล้านบาท ในปีเดี่ยวกัน
ROLEX GMT MASTER REF. 6542
รุ่นนี้จัดว่าเป็นรุ่นหายากที่สุดของ Rolex เป็นรุ่นแรกสุดของตระกูล GMT PEPSI มีความตำนานที่มีการผลิตออกมาเพียง 5 ปีเท่านั้น เปิดตัวเมื่อปี 1955 – 1959 เป็นการผลิตขึ้นมาเฉพาะให้กับนักบินของสายการบิน Pan American Airline หรือที่เรียกกันติดปากว่า Pan Am และผลิตมาได้ตรงตามอุดมคติของนักบินได้อย่างตรงจุด เพื่อใช้บอกเวลาในการใช้งานจริงได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นที่นิยมของการเดินทางทั้งหลายอย่างกัปตันเรือ หรือนักเดินทางทั้งหลายอีกด้วย
ด้วยรูปแบบที่ดูง่าย ตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีลที่แข็งแรง และการบอกเวลาพร้อมกันของซีกโลกได้ และการใช้เลนส์ที่ดีที่สุดอย่าง Cyclops ในการวางตำแหน่งบอกวันที่ และให้ขอบหน้าปัดเป็น Bakelite ที่ช่วยลดการสะท้อนของแสงได้ดีเยี่ยม และการสลักตัวเลขบอกเวลาด้วยสีที่ขอบระหว่างน้ำเงินบอกเวลากลางคืนและสีแดงบอกเวลากลางวัน จึงเป็นที่มาของฉายา PEPSI นั่นเอง และยังคงเป็นนาฬิกาต้นแบบ GMT ที่ยอดเยี่ยมมาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นตัวที่ถูกจับตาของเหล่าบรรดานักสะสม จนมียอดประมูลจนถึง 11 ล้านบาทเลยทีเดียว
ROLEX MILGAUSS REF. 6541
MILGAUSS เป็นการออกแบบชื่อรุ่นจากภาษาฝรั่งเศสคำว่า MILL = 1,000 กับ GAUSS ชื่อเรียกการวัดหน่วยเหนี่ยวนำของแม่เหล็ก จึงเป็นนาฬิกาที่ถูกผลิตมาแบบมีคุณสมบัติสูงด้วยการเป็นนาฬิกาข้อมือกันสนามแม่เหล็ก หน้าปัดถูกดีไซน์แบบรังผึ้งสีดำ ประดับด้วยเข็มวินาทีเป็นสัญลักษณ์ของสายฟ้า วัสดุเหล็กอ่อนที่ห่อหุ้มเพื่อป้องกันการกระทบของสนามแม่เหล็ก และได้ผลิตมาให้กับกลุ่มวิศวกรที่ต้องทำงานในพื้นที่ที่มีพลังงานแม่เหล็กสูง ทำให้ ROLEX MILGAUSS REF. 6541 มีความแข็งแรงและพลังการต่อต้านแม่เหล็กที่มากพอเพื่อบอกเวลาได้อย่างแม่นยำ และเรือนนี้ได้กลายเป็น Milgauss แม่แบบในยุคต่อ ๆ มา และปิดประมูลไปเมื่อปี 2013 ในราคาถึง 11.6 ล้านบาท
ROLEX OYSTER TRIPLE CALENDAR CHRONOGRAPH REF. 6236
ติดหนึ่งในนาฬิกาที่มีความซับซ้อนมากที่สุดของ Rolex จากชื่อรุ่นก็บอกให้เห็นได้ชัดถึงการรวมเอา Triple Calendar ในฟังก์ชั่นของ Chronograph ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถูกผลิตขึ้นในยุค 40’s – 60’s ในชื่อรุ่นว่า DATO COMPAX หรืออีกรุ่นคือ Jean -Claude Killy ผู้เป็นกรรมการและแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Rolex มากว่า 40 ปี
การออกแบบตัวเรือนมีทั้งหมด 3 ชิ้น และตัว Bezel ที่ใหญ่ขึ้นและหน้าดีไซน์หน้าปัดที่เรียบแบบมีความทันสมัยซ่อนอยู่ REF. 6236 ถูกผลิตขึ้นในปี 1958-1962 มีการผลิตเพียงไม่กี่เรือน และยังเป็น Triple Calendar Chronograph รุ่นสุดท้ายของ Rolex อีกด้วย และถูกปิดประมูลไปในราคา 21 ล้านบาท
เต็มอิ่มกันไปแล้วกับรุ่น Vintage แห่งเจ้าสนามนาฬิกาโลกอย่าง Rolex ยังคงจัดอยู่ในนาฬิกาแห่งตำนานมาจนทุกวันนี้ ทั้งในเรื่องคุณภาพ เรื่องราว และความเหนือชั้นของส่วนประกอบ และที่สำคัญในเรื่องของราคาที่ยังคงรักษาหน้าตาความเป็น Rolex ได้ในทุกเวอร์ชั่นไม่มีแผ่วจริง ๆ สมแล้วที่เป็นของสะสมที่ไม่ทำให้ผิดหวัง onsalereplicawatches
เครดิต : สล็อตเว็บตรง